สถานที่ท้องเที่ยวเมื่อมาบ้านเขาน้อยพรมสุวรรณ

 

หน้าแรก

คณะผู้บริหาร

ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพกิจกรรม

ติดต่อ เรา









พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ประดิษฐานบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ ริมเส้นทางหลวงหมายเลข 33 ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอวัฒนานคร การจัดสร้างอนุสาวรีย์นี้ เนื่องมาจากในอดีตกาลอำเภอวัฒนานคร เป็นพื้นที่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เคยเสด็จมาประทับในการสงครามแถบดินแดนบูรพา เมื่อปี พ.ศ. 2136 พระบรมรูปประทับยืน มีความสูง 280 เมตร ชูดาบเหนือศิรเศียร แสดงพระราชอำนาจในการปกครอง ปกป้องรักษาพสกนิกรของพระองค์

 

ปราสาทสด๊กก๊อกธม
เป็นโบราณสถานที่ใหญ่และสำคัญของจังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรม ตามคติความเชื่อถือในลัทธิศาสนาฮินดู โบราณสถานประกอบด้วยองค์ปราสาท 3 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีคูน้ำล้อมรอบ 4 ด้าน มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกทำด้วยศิลาแลง ชั้นในทำด้วยหินทราย ตัวปราสาทก่อสร้างด้วยหินทราย มีโคปุระหรือซุ้มประตูเหลืออยู่เพียงด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตกเท่านั้น ภายในระเบียงคดมีบรรณาลัยก่อด้วยหินทราย 2 หลัง อยู่หน้าปราสาทหลังกลางซึ่งเป็นปรางค์ประธาน ปราสาทด้านซ้ายมือและปราสาทองค์ประธาน อยู่ในสภาพปรักหักพัง ตามจารึกกล่าวว่า ประดิษฐานศิวลึงก์ ด้านนอกปราสาททางทิศตะวันออก มีสระน้ำขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยม มีถนนปูด้วยหินจากตัวปราสาทไปจนถึงสระน้ำตลอดแนว ได้มีการค้นพบศิลาจารึก ๒ หลัก จารึกด้วยอักษรขอมโบราณเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอก ถึงอายุการสร้างปราสาทสด๊กก๊อกธมแห่งนี้ ตลอดจนบอกถึงวัตถุประสงค์ของการสร้างจารึกหลักที่ 2 นัยว่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระเจ้าอาทิตยวรมันที่ 2 ในโอกาสที่บูรณะปราสาทสด๊กก๊อกธมสำเร็จ เมื่อปีพุทธศักราช 1595 คำว่า สด๊กก๊อกธม หมายถึง เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่ ซึ่งปัจจุบันยังพอมองเห็นหนองน้ำใหญ่ในอดีต อยู่ใกล้ๆปราสาทนั่นเอง ปัจจุบันจารึกทั้ง 2 หลักถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร

การเดินทาง สามารถใช้เส้นทางสายอรัญประเทศ-ตาพระยา (ทางหลวงหมายเลข 348) ประมาณ 25.5 กิโลเมตร จะถึงทางหลวงหมายเลข 3381 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร จะเห็นสถานีอนามัยโคกสูงอยู่ทางขวา เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางแยกอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ผ่านโรงเรียนบ้านหนองเสม็ด ถึงกิโลเมตรที่ 12 เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2.5 กิโลเมตร ถึงปราสาทสด๊กก๊อกธม






ปราสาทเขาน้อยสีชมพู
ตั้งอยู่ในวัดเขาน้อย (สีชมพู) ตำบลคลองน้ำใส ห่างจากตัวอำเภออรัญประเทศ ไปทางทิศใต้ประมาณ 12 กิโลเมตร โบราณสถานตั้งอยู่บนยอดเขาน้อย ซึ่งเป็นเขาหินปูนสูงจากพื้นประมาณ 130 เมตร มีบันไดทางขึ้น 254 ขั้น แล้วเดินขึ้นต่อไปไม่ไกลก็จะถึงบริเวณตัวปราสาท หรือสามารถไปทางรถ โดยผ่านวัดเขาน้อย (สีชมพู) ไปตามทางอ้อมเขาประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าต่อขึ้นไปอีกประมาณ 250 เมตร สันนิษฐานว่า ปราสาทนี้สร้างในพุทธศตวรรษที่ 12 และมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในพุทธศตวรรษที่ 15 และคงความสำคัญจนถึงพุทธศตวรรษที่ 16 เชื่อว่าเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ตัวปราสาทเป็นโบราณสถานไม่ก่ออิฐสอปูน ประกอบด้วยปราสาทก่อด้วยอิฐ 3 หลังคือ ปรางค์ทิศเหนือ ปรางค์องค์กลาง และวิหารทิศใต้ แต่คงเหลือเพียงปรางค์องค์กลางเท่านั้น ที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ส่วนปรางค์ทางทิศเหนือและวิหารทิศใต้เหลือเพียงฐานเท่านั้น ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2478 ปราสาทเขาน้อยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติจากกรมศิลปากร และมีการสำรวจขุดพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น โบราณวัตถุทำจากโลหะ เครื่องปั้นดินเผา ทับหลังหินทราย 5 ชิ้น และค้นพบแผ่นจารึกบ่งบอกถึงอายุการสร้างปราสาทเรียกว่า จารึกเขาน้อย และทับหลังหินทรายแบบสมโบร์ไพรกุกอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 ศิลาจารึกระบุมหาศักราช 559 ตรงกับ พ.ศ.1180 ซึ่งเป็นจารึกที่ระบุศักราชเก่าที่สุดในประเทศ โบราณวัตถุต่างๆที่ได้จากการขุดค้น ปัจจุบันเก็บรักษาและตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
การเดินทาง จากถนนทหารร่วมจิตร ผ่านวัดชนะไชยศรี ตามเส้นทางหมายเลข 3067 ไปประมาณ 500 เมตร เลี้ยวซ้ายไป 12 กิโลเมตร ผ่านด่านตรวจนาดง วัดป่าอรัญวาสี จะเห็นวัดเขาน้อย (สีชมพู) อยู่ทางขวามือ ขับเลยวัดไปจนถึงทางแยก เลี้ยวขวาอ้อมไปตามทางขึ้นเขาประมาณ 1 กิโลเมตร มีที่จอดรถขนาดพอประมาณ แล้วเดินเท้าต่อขึ้นไปประมาณ 250 เมตร


ละลุ
ตั้งอยู่ที่บ้านเนินขามและบ้านคลองยาง ตำบลทัพราช ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 36 กิโลเมตร "ละลุ" เป็นภาษาเขมร แปลว่า "ทะลุ" อันปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะ ยุบตัวหรือพังทลายของดิน เนื่องจากสภาพดินแข็งจะคงอยู่ไม่ยุบตัวเมื่อถูกลมกัดกร่อน จึงมีลักษณะเป็นรูปต่างๆ มองคล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างมีลักษณะเป็นแท่งๆ คล้ายกับแหล่งธรรมชาติบริเวณ "แพะเมืองผี" ของจังหวัดแพร่ แต่มีพื้นที่กว้างกว่า 2,000 ไร่ จึงทำให้ละลุมีความสวยงามและแปลกตา เหมาะแก่การไปเที่ยวชม นอกจากนี้ยังมีบริการที่พัก โดยพักที่ศูนย์บริการหรือที่บ้านพักของชาวบ้าน ผู้สนใจสามารถติดต่อเพื่อใช้บริการรถอีแต๋นนำชม พร้อมมัคคุเทศก์หรือยุวมัคคุเทศก์ท้องถิ่น
นอกจากนี้ ศูนย์บริการท่องเที่ยวมีบริการอาหารพื้นบ้านไว้รับรอง พร้อมการแสดงพื้นเมืองจากกลุ่มเยาวชน และแม่บ้านบ้านคลองยาง และยังมีละลุโฮมสเตย์อีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 08 9098 0772
การเดินทาง จาก อ.อรัญประเทศไปตามทางหลวงหมายเลข 348 สายอรัญประเทศ - ตาพระยา เลี้ยวซ้ายที่บ้านกุดเตย บริเวณกิโลเมตรที่ 35-36 ไปตามทางหลวงหมายเลข 3486 (บ้านโคคลาน-บ้านคลองยาง) ระยะทาง 18 กิโลเมตร จากบ้านคลองยางเป็นถนนลูกรังเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร

 

น้ำตกปางสีดา
ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ พ.ศ. 2525 มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอเมือง ฯ อำเภอ วัฒนานคร อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว และอำภอ นาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 844 ตารางกิโลเมตร หรือ 527, 500 ไร่ อาณาเขตทางด้านทิศเหนือทั้งหมดกับด้านทิศตะวันตกบางส่วน มีแนวป่าต่อเนื่องกับอุทยานแห่งชาติทับลาน สภาพป่าเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าดิบแห้ง ป่าเต็งรัง และป่าทุ่งหญ้า เป็นป่าต้นกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสายเช่นเดียวกับเขาใหญ่ เช่น ห้วยโสมง ห้วยเสียว ห้วยน้ำเย็น ห้วยพระปรง ห้วยพลับพลึง ห้วยยาง ห้วยเลิงไผ่ ห้วยละพูด ลำห้วยต่างๆ เหล่านี้จะไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงหรือแม่น้ำปราจีนบุรี ซึ่งจัดเป็นแม่น้ำสายสำคัญของภาคตะวันออก
อุทยานแห่งชาติปางสีดาเป็นป่าที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะเรื่องสัตว์ป่า เพราะมีสัตว์ป่าหายากและนกกว่า 300 ชนิด เช่น นกเงือก นกยูง จุดหนึ่งที่พบสัตว์ป่ามากก็คือ บริเวณ ห้วยคลองพลู ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับไร่ร้าง ปัจจุบันมีสภาพเป็นทุ่งหญ้าที่สัตว์ป่าหลายชนิดมักจะมากินน้ำ สัตว์ที่พบในบริเวณนี้ คือช้างป่า กระทิง เก้ง กวาง หมูป่า หรือแม้แต่เสือลายพาดกลอน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบกิจกรรมเดินป่า ทางอุทยานฯ ได้แนะนำและจัดเส้นทางเดินป่าท่องไพรดูนก ดูผีเสื้อที่มีหลากหลายสายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี

สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติปางสีดา
น้ำตกปางสีดา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 800 เมตร เป็นน้ำตกที่ไหลจากหน้าผา 3 ชั้น สูงประมาณ 10 เมตร ตัวน้ำตกไหลลงสู่เบื้องล่าง เป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่และลานหิน บรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การเล่นน้ำ และจะมีน้ำมากในช่วงฤดูฝน
น้ำตกผาตะเคียน อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 3 กิโลเมตร และห่างจากน้ำตกปางสีดาประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถเดินทางเท้าได้ 2 เส้นทาง มีป้ายบอกตลอดเส้นทางทุกๆ 300 เมตร ตลอดเส้นทางขึ้นสู่น้ำตกร่มรื่นด้วยแมกไม้หนาทึบ เป็นน้ำตกชั้นสุดท้ายที่อยู่สายเดียวกับน้ำตกปางสีดา น้ำตกทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 10 เมตรเหมาะสำหรับเดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ทุ่งหญ้าโป่งกระทิง เดิมเป็นหมู่บ้านเก่าที่กลายเป็นทุ่งหญ้ารกร้าง ภายหลังอพยพผู้คนออกไป มีลักษณะคล้ายทุ่งหญ้าที่มอสิงโตในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีสัตว์ป่าออกหากินบริเวณนี้เป็นจำนวนมากทางอุทยานฯ ได้ทำโป่งเทียมและหอดูสัตว์ไว้ จากถนนภายในอุทยานฯ มีทางแยกบริเวณกิโลเมตรที่ 35 และกิโลเมตรที่ 6 แล้วเดินเท้าอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติโป่งกระทิงซึ่งมีโป่งธรรมชาติที่อาจพบสัตว์ป่าได้ไม่ยาก
น้ำตกถ้ำค้างคาว จากที่ทำการถึงหลักกิโลเมตรที่ 22 ให้เดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร บริเวณน้ำตกมีค้างคาวอาศัยอยู่ในถ้ำมากมาย เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งตั้งอยู่กลางป่าลึกใช้เวลาเดินทางไปกลับ 3 วัน 2 คืน ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ
น้ำตกทับซุง เป็นน้ำตกแห่งใหม่ของอุทยานฯ น้ำตกทับซุง เป็นน้ำตกแห่งใหม่ของอุทยานฯ ระหว่างทางเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติมีพรรณไม้หลากหลายชนิด อยู่ช่วงกิโลเมตรที่ 22 แล้วเดินเท้าอีก 1.5 กิโลเมตร
จุดชมวิว เป็นหุบเขากว้าง ห่างจากที่ทำการไปประมาณกิโลเมตรที่ 25 และกิโลเมตรที่ 35 สามารถชมภูมิประเทศโดยรอบ และชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ สามารถขับรถไปได้จากที่ทำการอุทยานฯ
กลุ่มน้ำตกแควมะค่า จากที่ทำการอุทยานฯ ถึงหลักกิโลเมตรที่ 40 ให้เดินเท้าต่ออีกประมาณ 6 กิโลเมตร ตัวน้ำตกทิ้งตัวจากหน้าผาสูงประมาณ 70 เมตร เหมาะสำหรับเดินป่า และสามารถกางเต็นท์ได้ ใกล้ๆ กันยังมี น้ำตกรากไทรย้อย ห่างจากน้ำตกแควมะค่า ประมาณ 500 เมตร น้ำตกลานหินใหญ่ ห่างจากน้ำตกแควมะค่า ประมาณ 1.5 กิโลเมตร น้ำตกสวนมั่น สวนทอง ห่างจากน้ำตกแควมะค่า ประมาณ 3 กิโลเมตร และ น้ำตกม่านธารา ห่างจากน้ำตกแควมะค่า ประมาณ 4 กิโลเมตร กลุ่มน้ำตกแห่งนี้ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2-3 วัน เนื่องจากเป็นกลุ่มน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในผืนป่า

 

อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก
ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 ตำบลท่าแยก ห่างจากตัวเมืองประมาณ 37 กิโลเมตร เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่จะปรับปรุงระบบชลประทานในเขตพื้นที่ราบเชิงเขา เป็นเขื่อนดินสูง 17.50 เมตร ยาว 720 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นป่าโปร่ง ปลูกต้นไม้พันธุ์ต่างๆ ทั้งไม้ยืนต้นและไม้ประดับ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงาม เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจและเที่ยวชมธรรมชาติ

 

สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน
ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองหมากฝ้าย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 430 ไร่ สถานีแห่งนี้เป็นหน่วยงานของส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526 ตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนีนาถ เพื่อเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สัตว์ป่า ที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ เป็นสถานีศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ป่า เป็นแหล่งบริการด้านความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์ป่า ภายในสถานีฯ จัดแบ่งพื้นที่เพาะเลี้ยงเป็นสัดส่วนตามชนิดของสัตว์ต่างๆ การเลี้ยงสัตว์ป่าใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด โดยเลี้ยงแบบปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ บางส่วนเป็นสวนสัตว์มีสัตว์ต่างๆ หลายชนิด เช่น สุนัขจิ้งจอก ละอง ละมั่ง กวางป่า วัวแดง หมีขอ ส่วนนกก็จะมีนกยูง นกแก๊ก นกกก นกเงือกกรามช้าง นกเงือกปากย่น นกกาฮัง นกขุนทอง นกขุนแผน และที่สำคัญคือ "เป็ดก่า" ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัด ภายในสถานีฯ สะอาด ร่มรื่น เหมาะสำหรับครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนศึกษาดูสัตว์ป่าหายาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 1991 7759
การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกันกับอุทยานฯ ปางสีดา ผ่านอ่างเก็บน้ำท่ากระบากไปประมาณ 500 เมตร และแยกซ้ายมือเข้าไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร
 

ประตูชัยอรัญประเทศ/ ตลาดโรงเกลือ
ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านคลองลึก ตำบลท่าข้าม สร้างในปี พ.ศ. 2482 มีลักษณะเป็นป้อม 2 ป้อม อยู่กันคนละฟากถนน โดยป้อมด้านซ้ายมือรักษารูปลักษณ์เดิมไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ทหารกล้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสู้รบบริเวณชายแดนด้านคลอง
ลึก ตัวป้อมมีลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า สูงประมาณ 15 เมตร ฐานประตูทำเป็นห้องรักษาการณ์ แต่ชำรุดทรุดโทรมจากภัยสงคราม จึงมีการบูรณะซ่อมแซม เมื่อปี พ.ศ. 2502 สำหรับทางด้านขวามือได้ก่อสร้างเป็นเสมาขนาดใหญ่ ทำด้วยหินอ่อนสลักรูปครุฑพ่าห์ (ธงมีรูปครุฑ)ไว้ด้านบน ใต้ครุฑจารึกคำว่า “ประเทศไทย” หันออกไปทางประเทศกัมพูชา
 
 
 
 
 

 

 

ผู้รวบรวมข้อมูล www.sansabaytwelve.com 621/13 .ประดู่ 55 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120 โทร 084-73172

Copyright ©2012 sansabaytwelve.com E-mail : sansabay12@hotmail.com